โรคตับแข็ง
ตับแข็ง เป็นผลมาจากเนื้อเยื่อตับถูกทำลายเป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดตับอักเสบเรื้อรัง เกิดพังผืดในเนื้อตับ
กลายเป็นตับแข็งในที่สุด เมื่อตับไม่สามารถทำงานได้เป็นปกติ นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น ดีซ่าน ท้องมาน
เส้นเลือดโป่งพองในหลอดอาหาร ตับวาย มะเร็งตับ
ตับแข็งสามารถป้องกันได้ โดยงดดื่มสุรา ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร ที่มีไขมันสูง อาหารสุกๆดิบๆ เพราะจะมีพยาธิใบไม้ตับได้ และควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ
อาการเมื่อตับมีความผิดปกติ
ท้องบวม ท้องโต ท้องมาน
อ่อนเพลีย ไม่มีแรง นอนไม่หลับ
อุจจาระสีซีด ปัสสาวะสีเข้ม ท้องผูก
ปวดแน่นบริเวณชายโครงเป็นประจำ
ท้องอืด จุดเสียด แน่นท้อง คล้ายอาหารไม่ย่อย มีอาการรุนแรงขึ้นตอนทานอาหารที่มีไขมัน
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
กรณีที่มีน้ำในท้อง ท้องโตท้องมาน ให้รับประทานอาหารจืด อย่าเติมเกลือหรือน้ำปลา
หลีกเลี่ยงอาหารที่อาจปนเปื้อนสารอะฟาท็อกซิน ได้แก่ พวกถั่วลิสงตากแห้ง พริกป่น ปลาเค็ม
งดรับประทานอาหารทะเลสุกๆ ดิบๆ เพราะอาจติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงจนช็อกและเสียชีวิตได้
งดอาหารหมักดอง อาหารไขมันสูง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
อาหารบำรุงตับ
เรามาดูแลตัวด้วยอาหารกันดีกว่า ดีกว่าปล่อยให้ตับมีปัญหาแล้วถึงมาดูแล
โปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่สุกสะอาด โดยเฉพาะปลามีโอเมก้า3 รวมถึง นมถั่งเหลือง เต้าหู้ เต้าฮวย ไข่ต้มกินเฉพาะไข่ขาว
ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ส้ม มะขามป้อม มะละกอ กีวี่ เป็นต้น ช่วยลดการอักเสบและส่งเสริมการทำงานของตับให้ดีขึ้น
ข้าวกล้อง ข้างไรซ์เบอรี่ ถั่วแดง ถัวเขียว เป็นต้น ซึ่งธัญพืชต่างๆ เหล่านี้มีไฟเบอร์สูง ช่วยในระบบขับถ่าย และช่วยดูดซับไขมัน
น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนล่า มีส่วนช่วยในการลดไขมันตัวร้าย ( LDL) และเพิ่มไขมันตัวดี (HDL)
เห็ดต่างๆ เห็ดหลินจือ เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดหอม ช่วยลดไขมันที่สะสมในตับ ต่อต้านการเกิดมะเร็ง
และเพิ่มปริมาณของเม็ดเลือดขาวด้วย
บีทรูท จะมีสารฟลาโวนอยด์ ที่ตับต้องการไปบำรุง
อะโวคาโด มีกลูตาไธโอน ช่วยล้างพิษสะสมในตับ
ผักใบเขียว เช่น ผักโขม ผักกาดหอม รวมถึงผักใบเขียวชนิดอื่นๆ จะมีคุณสมบัติป้องกันการเกิดโลหะหนักในตับ
ผักประเภทหัว อาทิ กะหล่ำปลี จะมีส่วนช่วยในการเพิ่มกลูตาไธโอน ทำให้ล้างสารพิษ บำรุงตับได้เป็นอย่างดี บรอกโคลี มันเทศ ที่มีกลูโคซิโนเลต ช่วยกระตุ้นให้ตับผลิตเอนไซม์
ผู้เป็นตับแข็งมักจะขาดวิตามินหลายชนิด จึงควรรับประทานวิตามินเสริมร่วมด้วย
แต่ไม่ควรรับประทานวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น วิตามิน เอ, อี เพราะวิตามินชนิดนี้
ถ้ารับประทานมากไปจะมีการสะสมที่ตับและอาจมีผลเสียต่อตับเอง
นอกจากนี้ถ้าไม่ได้ขาดธาตุเหล็กก็ไม่ควรรับประทานเหล็กเสริมเข้าไป
เพราะเหล็กจะทำให้การสร้างพังผืดในตับมากขึ้น
|